THE CHALK LINE (2022) MOVIE REVIEW: DON'T CROSS THE LINE. AN ORPHAN FROM A FOREIGN COUNTRY COMES WITH A VERY STRANGE EVENT.

The Chalk Line (2022) Movie Review: Don't cross the line. An orphan from a foreign country comes with a very strange event.

The Chalk Line (2022) Movie Review: Don't cross the line. An orphan from a foreign country comes with a very strange event.

Blog Article

รีวิวหนัง  The Chalk Line (2022) ห้ามข้ามเส้น  เด็กกำพร้าจากต่างแดนที่มาพร้อมกับเหตุการณ์สุดแปลก


ประเภทของภาพยนตร์: ดราม่า / ระทึกขวัญ


วันที่เข้าฉาย: 24 ตุลาคม 2022


ผู้กำกับ: อินาซิโอ ทาเลย์


นักแสดงนำ: เอเลน่า อานาย่า, ปาโบล โมลิเนโร, คาร์ลอส ซานโตส


ความยาว : 106 นาที


The-Chalk-Line-2022-Movie-Review-Dont-cross-the-line.-An-orphan-from-a-foreign-country-comes-with-a-very-strange-event

 

เรื่องย่อ:


เรื่องราวของ เปาลาและซิมอน สองสามีภรรยาที่อาศัยอยู่ในบริเวณวิลล่าชั้นสูง คืนหนึ่งขณะที่ทั้งสองกำลังเดินทางกลับบ้าน พวกเขาสังเกตเห็นเด็กสาวใบ้คนหนึ่งเดินเตร่อยู่กลางถนนคนเดียว จึงได้พาเธอไปโรงพยาบาล แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลไม่สามารถติดตามครอบครัวของเด็กสาวคนใดได้ เบาะแสเดียวที่มีคือความจริงที่ว่าเธอตอบสนองต่อชื่อคลาร่า ในไม่ช้า  ดูหนังออนไลน์

เปาลาก็เริ่มสนิทสนมกับคลาร่า และคิดว่าสภาพแวดล้อมในบ้านอาจช่วยปรับปรุงอาการของเธอได้ กลอเรีย แพทย์ของเธอจึงแนะนำให้เปาลาและซิมอนดูแลเธอชั่วคราว คลาร่าเริ่มสงบลงขณะที่เปาลาและซิมอนขีดเส้นชอล์กทั่วทั้งบ้านเพื่อให้คลาร่าเข้าไปข้างใน ระหว่างการเยี่ยมเยียน กลอเรียพยายามให้คลาร่าออกไปข้างนอก โดยขู่ว่าจะลบเส้นชอล์กเส้นหนึ่งถ้าเธอไม่ทำตาม ซึ่งทำให้คลาร่าอารมณ์เสียและตะโกนว่า "บุมะ" กลอเรียพยายามเกลี้ยกล่อมให้คลาร่าพูด แต่เธอพูดเพียงไม่กี่คำ

วันรุ่งขึ้น เปาลาเชิญคลอเดียเพื่อนของเธอมาทานอาหารเช้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเล่นกันระหว่างลูกสาวของเธอและคลาร่า คลอเดียเผลอกินเศษแก้วเข้าไปและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ซิมอนสงสัยว่าคลาร่าตั้งใจวางเศษแก้วไว้ แต่เปาลาไล่เขาออกไป และทั้งสองตกลงที่จะไม่บอกกลอเรีย เปาลาสังเกตเห็นว่าคลาร่าพูดคำว่าชอล์กในภาษาเยอรมันว่าKreideเปาลาคิดว่าเธออาจมาจากเยอรมนี จึงยืนยันว่าคลาร่าเข้าใจภาษาเยอรมันแต่ยังคงพูดไม่ได้ ในการไปเยี่ยมครั้งต่อไป กลอเรียบอกเปาลาและซิมอนว่าเธอรู้เรื่องเหตุการณ์นั้นและจัดการให้คลาร่ากลับโรงพยาบาล เปาลาเผชิญหน้ากับคลอเดียและค่อยๆ ห่างเหินจากเพื่อนๆ มากขึ้น

ขณะที่เปาลาพยายามหาความหมายของคำว่า "buma" เธอรู้ว่าแท้จริงแล้วคือ Buhmann ซึ่งแปลว่า " ตัวประหลาด " ในเวลาเดียวกัน เธอก็เริ่มสำลักเศษแก้ว ก่อนจะรีบไปเข้าห้องน้ำ เธอขีดเส้นไว้ตรงหน้าคลาร่า เมื่อเธอกลับมา คลาร่าก็หายตัวไป แม้ว่าประตูหน้าจะถูกทิ้งไว้เปิดไว้ แต่เปาล่าปฏิเสธว่าเธอออกไปคนเดียวไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นเธอข้ามเส้นชอล์กเลย ซิมอนและเพื่อนๆ ตัดสินใจจะเข้าไปแทรกแซง แต่เมื่อเปาล่าสิ้นหวังที่ต้องเสียสาวน้อยไป เธอจึงบอกให้พวกเขาออกไป ซิมอนจึงเผชิญหน้ากับเปาล่าเกี่ยวกับการฉีดยาเพิ่มการเจริญพันธุ์โดยแอบๆ โดยกล่าวหาว่าเธอหมกมุ่นอยู่กับคลาร่า และแสดงเศษแก้วที่ซ่อนอยู่ของเธอ

ตอนนี้พอล่าอยู่คนเดียวและได้รับโทรศัพท์จากคลาร่า เธอรู้สึกทุกข์ใจจึงโทรหาตำรวจ ซึ่งแจ้งว่าโทรมาจากโทรศัพท์มือถือของพอล่า และขอให้เธอไปทำการตรวจทางจิตวิทยา พอล่ายังคงเชื่อว่าคลาร่ายังมีชีวิตอยู่ จึงขโมยเอกสารจากโต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพบคดีที่คล้ายคลึงกับของคลาร่าอย่างน่าตกตะลึง นั่นคือคดีหญิงสาวชาวสวิสวัย 17 ปีชื่ออิงกริด ถูกพบว่าเสียชีวิตในฝรั่งเศส เนื่องจากขาดสารอาหาร โดยมีนางฟ้ากระดาษวางอยู่ข้างๆ พอล่ากลับบ้านและสังเกตเห็นภาพวาดของเอดูอาร์โด เพื่อนบ้านและเพื่อนของเธอ ซึ่งคลาร่าวาดไว้ภายในบ้าน พอล่าเชื่อว่าเอดูอาร์โดลักพาตัวคลาร่า เธอจึงโทรเรียกตำรวจและเดินไปที่บ้านของเขา

ในฉากย้อนอดีต เอ็ดดูอาร์โดถูกเห็นอุ้มคลาร่าขึ้นถนน โดยบอกให้เธอเดินตามเส้นกึ่งกลางถนน ไม่ต้องพูดคุย และเดินไปที่จุดตรวจของตำรวจข้างหน้า ในระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำที่บ้านของเปาล่าและซิมอน เอ็ดดูอาร์โดถูกแสดงให้เห็นว่ากำลังใส่เศษแก้วลงในรถ ต่อมา เขาพยายามลักพาตัวคลาร่า แต่ถูกขัดขวางเมื่อซิมอนกลับมาถึงบ้าน และขโมยโทรศัพท์มือถือของเปาล่าได้สำเร็จ

เอดูอาร์โดแทงคลาร่าแล้วลากเธอลงไปที่ห้องใต้ดินของเขา เปาล่ารู้ว่าเอดูอาร์โดลักพาตัวอิงกริดเมื่อเธออายุ 12 ปี และขังเธอไว้ในห้องใต้ดิน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอให้กำเนิดคลาร่า เอดูอาร์โดบังคับให้เปาล่าเปิดเผยว่าเธอรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เธอบอกเขาเกี่ยวกับแฟ้มของตำรวจ และในขณะที่เอดูอาร์โดพยายามค้นหาแฟ้มเหล่านั้น เธอก็โยนชอล์กให้คลาร่าเพื่อซ่อนตัว

เมื่อเอดูอาร์โดกลับมา เปาล่าเบี่ยงเบนความสนใจเขาพอที่คลาร่าจะหนีและหาความช่วยเหลือได้ ขณะที่คลาร่าพยายามเดินออกไป เธอพยายามโทรหาซิมอน แต่กลับถูกไมเต้ ภรรยาของเอดูอาร์โดจับตัวไปอีกครั้ง เช้าวันรุ่งขึ้น ตำรวจบุกเข้าตรวจค้นบ้านของเอดูอาร์โด คลาร่าและเปาล่ากำลังวิดีโอคอลกัน คลาร่าได้กลับมาพบกับยายของเธออีกครั้ง และเปาล่ากับซิมอนได้ย้ายเข้ามาในเมืองแล้ว


ความรู้สึกหลังจากชมภาพยนตร์:


The Chalk Line ห้ามข้ามเส้น อาจจะไม่ได้เป็นหนังที่ดีที่สุดแห่งปีแต่เรื่่องนี้ถือได้ว่ามีความโดดเด่นจากหนังทางฝั่งยุโรปพอสมควร การสร้างบรรยากาศของหนังเรื่องนี้โดยรวมถือว่าทำได้เลยเลยทีเดียว ต้องยกความดีความชอบให้กับเค้าโครงเรื่องที่มีชั้นเชิงและการแสดงของทีมเหล่านักแสดงที่น่าพึ่งพอใจ แม้ว่าตัวเรื่องนี้ยังถือว่ายังไปไม่สุดอยู่บ้างแต่ตัวละครทุกคนถือว่าเอาอยู่มาก  22-hd.com

โทนรวมของหนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชมต้องประหลาดใจเมื่อถึงมาถึงปลายทาง อย่างที่เกริ่นเอาไว้แล้วว่า The Chalk Line มากับเส้นเรื่องที่ค่อนข้างทวิตส์ไม่เบา และนั่นเป็นเสน่ห์ที่สุดของหนังเรื่องนี้ หนังปูทางและสร้างบรรยากาศให้เหมือนกับหนังลึกลับเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับระหว่างสายใยแม่ลูกตามสไตล์หนังแถบ ๆ นี้ แต่ยิ่งถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ ผ่านช่วงครึ่งแรกของหนังไป เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของเรื่อง พล็อตต่าง ๆ กลับพลิกตลบไปอีกแบบ ที่เป็นจุดเปลี่ยนที่ช่วยยกระดับอารมณ์ของคนดูได้เป็นอย่างดี

"เอเลน่า อานาย่า" นักแสดงสาวที่คนไทยน่าจะคุ้นเคยเธอกันดีใน The Skin I Live In หรือตัวร้ายของ Wonder Woman ภาคแรก มาเป็นตัวยืนหนึ่งในหนังเรื่องนี้ได้อย่างทรงพลัง กับการแสดงน้อยแต่มากที่เธอถ่ายทอดออกมา นี่คือตัวละครที่มีภาวะทางอารมณ์และแนวคิดเชิงซ้อนที่ค่อนข้างเข้าใจยากไม่เบาทีเดียว แต่เธอสามารถทำมันออกมาได้ให้คนดูบริโภคได้แบบย่อยง่าย ๆ และค่อนข้างน่าประทับใจไม่น้อย

หนังดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆเรียบๆ มีดนตรีบีบคั้นอารม์ เนื้อหาที่สมจริง การแสดงของนักแสดงหลักที่เข้าถึงบทบาท โทนมู้ดที่อึมครึม ลึกลับ และอึดอัดใจ เด็กคนนี้แม้เป็นเด็กที่ดูเงียบๆและไม่ค่อยพูดค่อยจา เพราะเป็นเด็กที่มาจากต่างประเทศ แต่วีรกรรมของเธอในเรื่องไม่ธรรมดาแน่นอน คือเอาเศษแก้วใส่ในอาหารและเครื่องดื่มให้เพื่อนบ้านกิน โดยโทษว่าเป็นความผิดของแม่ผู้เป็นเจ้าของบ้านเงียบๆ

หนังสนุก และทำให้เราแอบระแวงบ้านหลังใหญ่ๆสไตล์ยุโรปที่เราจะหาใครสักคนก็ยากโดยเฉพาะเด็ก แถมยังอาจจะมีคนแปลกหน้าหรือแขกที่เราไม่เชิญมาซ่อนตัวอยู่ได้ หนังทำให้เราตั้งคำถามว่าเด็กคนนี้คือใครกันแน่ มองว่ามีการผูกปมได้ดี สร้างความรู้สึกระทึกขวัญและอยากรู้อยากเห็นในในคนดูได้ดี

โดยสรุปแล้วหนังเรื่องนี้ไม่เชิงว่าจะเป็นหนังที่หลอกคนดูด้วยหน้าหนังที่ลวงตา แต่เป็นการเล่นกับคนดูมากกว่าว่าสิ่งที่คิด อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็น นี่คือหนังสเปนที่มีพล็อตที่เต็มไปด้วยท่วงท่าลีลาที่น่าสนใจ เป็นหนังที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับคนดูไม่เบา เพราะไม่คิดว่าจะมาไกลและพามาถึงระดับโหดเพียงนี้ บอกเลยว่า เป็นหนังนอกสายตาที่ไม่เคยพลาดมาก ๆ

#ดูหนังฟรี #ดูหนังใหม่2024  #TheChalkLine  #ห้ามข้ามเส้น

กลับด้านบน

Report this page